ขั้นตอนการ “สครับผิวหน้า” ทำแบบไหนดีที่สุด ผิวแห้งก็หายห่วง

สครับผิวหน้า

ทุกคนรู้ดีว่าการ “สครับผิวหน้า” คือวิธีชั้นยอดในการขจัดเซลล์ผิวเก่า สิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้หลุดลอกออกไป เผยเซลล์ผิวใหม่สว่าง กระจ่างใส ไร้ริ้วรอย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ปฏิบัติกันทุกวันแท้จริงแล้วคุณอาจกำลัง “ทำผิด” อยู่ก็ได้ ลองมาเช็กลิสต์ไปพร้อมกันเลย

1. เลือกสครับผิดประเภท

หลายคนอาจกำลังคิดว่าสครับแบบไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ แท้จริงแล้วคือไม่ใช่เลย เพราะถ้าเลือกสครับสำหรับผิวหน้าต้องมีความอ่อนโยน สัมผัสเนียนนุ่ม ไม่ทำร้ายผิวพรรณ เม็ดสครับเล็ก บางเบา ละเอียด พูดง่าย ๆ คือ ต้องเลือกสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ อย่าไปเอาสำหรับผิวส่วนอื่นเป็นอันขาด

2. ไม่ใช้น้ำในการสครับผิว

เชื่อว่ามีคนทำแบบนี้อยู่จริงกับการนำสครับไปขัดลงบนผิวหน้าทันทีโดยไม่ใช้น้ำเป็นตัวกลางใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นหน้าแห้ง หน้าสด ผิวแห้ง ก็จัดเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดมาก เหตุเพราะเม็ดสครับเองก็มีอนุภาคเพียงพอในการสร้างริ้วรอยให้กับผิว ดังนั้นอย่าลืมทำให้ใบหน้าเปียกน้ำก่อนแล้วจึงค่อยใช้งานจะดีที่สุด

3. สครับแบบไม่สนโลกใด ๆ ทั้งสิ้น

ความคิดประเภทยิ่งสครับเยอะ สครับหนัก ๆ จะทำให้หน้าใส จึงไม่สนใจว่าควรใช้เวลากี่นาที หรือทำบ่อยเพียงใด อาจคิดว่ายิ่งทำทุกวันหน้าก็ต้องใสแน่ คำตอบคือ “ผิด” อย่างแรง เพราะจริง ๆ แล้วควรสครับผิวหน้าแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ใช้เวลาตามปกติประมาณจุดละ 15-50 วินาที ก็เพียงพอแล้ว เพื่อไม่ให้ใบหน้าพัง

4. ไม่ทำความสะอาดผิวก่อนสครับ

แม้การสครับใบหน้าจะเป็นวิธีจัดการสิ่งสกปรกออกอย่างหมดจด แต่ไม่ใช่ยังไม่ทันล้างหน้าอาบน้ำใด ๆ แล้วเริ่มต้นสครับทันทีเพราะคิดว่าไหน ๆ ก็ต้องทำความสะอาดอยู่แล้ว ถ้าหากทำแบบนั้นสิ่งที่ตามมาคือรูขุมขนคุณจะเกิดการอุดตันจากสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง สรุปไม่ได้สะอาดขึ้นกว่าเดิมเลย

5. ยิ่งผิวมีปัญหายิ่งต้องทำบ่อย

แนวคิดที่หลายคนเข้าใจคือ หากผิวบริเวณไหนมีปัญหามากต้องยิ่งสครับบ่อย ๆ แต่ความจริงผิวบริเวณดังกล่าวกำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอมาก ยิ่งไปเจอกับแรงขัด แรงถู เท่ากับทำร้ายหนักกว่าเดิม ดังนั้นแนะนำให้ทำตามปกติ ซึ่งใครที่ถามว่าสครับผิว ควรทำบ่อยแค่ไหน ก็สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเหมือนเดิม

6. นวดสครับแบบผิด ๆ

อีกปัจจัยที่สร้างปัญหาให้กับการสครับของทุกคนเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือนวดแบบผิด ๆ วิธียอดฮิตที่มักทำกันจะเป็นการนวดผิวแบบขึ้นลงสั้น ๆ แต่หลักที่ถูกต้องแค่ใช้ปลายนิ้ววนเป็นวงกลม ทิ้งไว้จุดละ 15-20 วินาที แล้วล้างออก เน้นความเบามือมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องยากเลย

7. ไม่สนใจการใช้มอยส์เจอไรเซอร์

สิ่งที่ผิดอย่างแรงในข้อสุดท้าย สาว ๆ อาจคิดว่าแค่สครับก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องใช้ครีมบำรุงผิว หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ใด ๆ อีก คำตอบคือไม่ใช่เลย เพราะการสครับเป็นแค่วิธีหนึ่งในการดูแลผิว แต่ยังไงก็ควรต้องบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า รูขุมขน พร้อมให้อาหารผิวเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ขั้นตอนการสครับ “ผิวแห้ง” ทำได้ไม่ยาก

สาว ๆ ที่มีผิวแห้งอาจกำลังสงสัยว่า สครับผิว ดีอย่างไร? ในเมื่อผิวของตนเองแห้ง ยิ่งอาจทำให้ใบหน้าเกิดแผล ริ้วรอย แสบ ได้ง่ายกว่าปกติ คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้ทุกคนที่มีปัญหาผิวแห้งสามารถ “สครับผิวหน้า” ของตนเองอย่างง่ายดาย ดูแลไม่ต่างกับคนผิวมันหรือผิวผสมแน่นอน

1. ทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้งาน

หากคุณมีผิวแห้งควรทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่จะใช้สำหรับสครับผิวก่อน ซึ่งปกติแล้วควรเลือกสูตรที่มีเพิ่มความชุ่มชื้น ไร้สารเคมี แอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอมใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่ออ่านฉลากจนมั่นใจเพื่อเป็นการเพิ่มความชัวร์แนะนำให้ทดลองด้วยการขัดผิวบริเวณหลังฝ่ามือ หรือบริเวณท้องแขนประมาณ 5-10 นาที หากไม่เหมาะกับผิวคุณจะรู้สึกแสบ คัน มีผื่น หรือบวมแดง แต่ถ้าไม่มีอาการใด ๆ แสดงว่าใช้กับผิวหน้าได้แน่นอน

2. เลือกประเภทสครับที่ดีต่อตนเอง

นอกจากการประเมินเบื้องต้นพร้อมทดสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่จะใช้งานไม่สร้างความระคายเคืองให้กับตนเองแล้ว การเลือกประเภทของสครับที่เหมาะกับผิวย่อมช่วยเพิ่มผลลัพธ์อันแสนดีงามต่อสุขภาพผิวของคุณด้วย อย่างที่บอกไปว่าพยายามเน้นสูตรเพิ่มความชุ่มชื้น เนื้อครีมหรือเอสเซนส์ เพราะเวลาขัดแล้วจะไม่รู้สึกแสบมากเกินไปนัก

3. วิธีขัดผิวสำหรับคนผิวแห้ง

เมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเองแล้ว คราวนี้ก็ต้องรู้วิธีสครับอย่างถูกต้องสำหรับคนมีปัญหาผิวแห้ง แนะนำให้ทำเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อลดการถูกเสียดสีของผิวหน้า ต่างจากคนผิวปกติที่อาจทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และที่สำคัญในการสครับแต่ละจุดอย่าให้นานเกิน 50 วินาที เพราะนั่นอาจหมายถึงผิวกำลังโดนทำร้าย

4. กรณีผิวแห้งและแพ้ง่าย

หากคุณมีปัญหาทั้งผิวแพ้บวกกับเป็นคนผิวแพ้ง่ายเน้นย้ำว่ายังไงก็ต้องทดสอบก่อนใช้งานจริงเสมอ ป้องกันผลเสียที่อาจเกิดขึ้นง่ายกว่าคนผิวปกติ

ข้อควรปฏิบัติในการ “สครับผิวหน้า

1. ใบหน้าต้องมีเปียกชื้นและใช้น้ำอุ่นเสมอ

ทุกครั้งที่ทำการสครับผิวหน้า เน้นย้ำเลยว่าใบหน้าต้องมีความเปียกชื้นเสมือนให้น้ำเป็นตัวกลางลดแรงเสียดสีระหว่างผิวกับเม็ดสครับ และที่สำคัญแนะนำให้ใช้น้ำอุ่นเพื่อกระตุ้นรูขุมขน แต่ต้องระวังอย่าให้ร้อนจนเกินไปนัก

2. นวดสครับแต่ละจุดไม่เกิน 1 นาที

เน้นย้ำว่าการนวดสครับหากนานเกินไปนั่นเท่ากับกำลังทำร้ายผิว ดังนั้นแต่ละจุดควรนวดวนเบา ๆ ด้วยปลายนิ้วไม่เกินจุดละ 60 วินาที ก็เพียงพอแล้ว และระวังอย่าให้กระเด็นเข้าดวงตา เพราะอาจเกิดการอักเสบได้

3. ต้องล้างออกให้หมดจด

หลังทำการสครับเรียบร้อย ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดออกอย่างหมดจด ป้องกันการสะสมจนเกิดผื่นแดง หรืออาการแพ้ตามมา หากล้างเสร็จจะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มไม่ยากเลย

4. ซับหน้าให้แห้งเสมอ

หลังล้างเรียบร้อยควรใช้ผ้าขนหนูผิวนุ่มและสะอาดซับหน้าเบา ๆ จนแห้งสนิท แล้วจึงค่อยดูแลปรนนิบัติผิวตามขั้นตอนของตนเอง

5. ทาครีมบำรุงหรือมอยส์เจอไรเซอร์

การสครับผิวหน้าเป็นวิธีหนึ่งในการดูแลผิว แต่ต้องไม่ลืมเพิ่มสารอาหารด้วยการทาครีมบำรุงหรือมอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ พร้อมเผยความกระจ่างใส เนียนนุ่ม หน้าดูเด็กลงกว่าเคย

6. ใช้งานสครับตามระยะเวลาเหมาะสม

ข้อสุดท้ายควรสครับใบหน้าเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว ส่วนใครมีปัญหาผิวแห้งอาจเลือกทำเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้ผิวหน้าต้องเจอแรงเสียดสีมากเกินไป นำมาซึ่งริ้วรอยก่อนวัย ผิวบอบบาง ลอกและแพ้ง่ายเข้าไปใหญ่

Recommended Posts