รู้หรือไม่? ว่านอกจากแสงแดดที่เต็มไปด้วยรังสี UV ที่ส่งผลเสียต่อผิวหนังและสุขภาพร่างกายแล้ว ยังมีอีกหนึ่งแสงที่เป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามอย่างแสง Blue light อีกด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วแสง Blue Light คืออะไร มีผลกระทบต่อผิวหนังรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และมีวิธีป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าอย่างไรได้บ้างนั้น ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย
แสง Blue light คือ?
แสง Blue Light หรือแสงสีฟ้า มีชื่อเต็ม ๆ ว่า High energy Visible Light เป็นแสงพลังงานสูงที่อยู่ในช่วงครามกับน้ำเงิน มีความยาวคลื่น 400-500 นาโนเมตร โดยเราสามารถพบแสงสีฟ้าได้ทั้งในดวงอาทิตย์ที่มีปริมาณความเข้มข้นของแสง Blue Light สูงที่สุด และอุปกรณ์ให้แสงสว่างต่าง ๆ เช่น หลอดไฟ LED ตลอดจนอุปกรณ์ดิจิทัล เครื่องมือสื่อสารอย่างจอทีวี จอคอมพิวเตอร์ จอสมาร์ตโฟน
ผลวิจัยอ้างอิงผลเสียจาก Blue light
โดยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Investigative Dermatology เมื่อปี 2010 พบว่าการสัมผัสกับ Blue Light เป็นระยะเวลานาน ๆ ส่งผลเสียไม่ต่างจากการสัมผัสรังสียูวีในแสงแดด ที่มีส่วนทำให้ผิวของเราเกิดความผิดปกติทางเม็ดสีทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ตลอดจนผิวอักเสบแพ้ง่ายอีกด้วย
นอกจากนี้การศึกษาใน Oxidative Medicine and Cellular Longevity เมื่อปี 2015 ก็ยังพบว่าแสง Blue Light มีส่วนเร่งกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ ตัวการที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัยอีกด้วย
ปัญหาผิวจากแสง Blue light
แม้แสง Blue Light คือ แสงพลังงานสูงที่มีความยาวคลื่นใกล้เคียงกับรังสียูวีในแสงแดด แต่จริง ๆ แล้วนั้นแสงสีฟ้า สามารถทำลายชั้นผิวของเราได้ลึกกว่า กระตุ้นให้ผิวเกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน (Oxidation Stress) ร่างกายมีอนุมูลอิสระ (Free Radical) มากขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว
ถ้าหากสัมผัสบ่อยครั้งก็ยิ่งทำให้ชั้นผิวเกิดความเสียหายและเกิดปัญหาผิวนานัปการตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น
- เกิดริ้วรอย ผิวเหี่ยวย่น ขาดความกระชับและยืดหยุ่น
- เห็นสัญญาณความผิดปกติของเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ
- ปัญหาผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ เพราะเมื่อไหร่ที่ปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวลดลง ก็ส่งผลให้ความชุ่มชื้นในชั้นผิวลดลงตามไปด้วย
- ผิวแพ้ง่าย เพราะแสง Blue Light มีส่วนทำลายเกราะป้องกันผิว และทำให้ผิวอ่อนแอแพ้ง่ายตามมา
วิธีดูแล ป้องกันผิวจากแสงสีฟ้า
สำหรับวิธีป้องกันผิวจากแสงสีฟ้านั้นสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
วิธีป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด และดีต่อสุขภาพผิวของเรามากที่สุดก็คือ การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพมากพอในการปกป้องและดูแลผิว อย่างผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 50+ PA++++ อย่างเดียวก็อาจไม่เพียงพอ ทุกคนอาจจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในการป้องกันแสงสีฟ้าร่วมด้วย
Verite Aqua Light Sunscreen 50+ PA++++
ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าที่ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดแล้ว ยังสามารถปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย แถมมาด้วยคุณสมบัติสุดจึ้ง เหมาะกับผิวคนไทย
- Hybrid Sunscreen ผสานทั้งข้อดีของ Physical sunscreen และ Chemical sunscreen เข้าด้วยกัน ออกฤทธิ์ปกป้องแสงแดดได้ทันทีที่ทา
- ปกป้องผิวจาก UVA, UVB, Blue Light, IR และ PM 2.5
- เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ทาแล้วเบาสบายผิว เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะผิว
- ทาทับเมกอัพได้
- กันน้ำ กันเหงื่อ ไม่เป็นคราบ
- 8 Free ปราศจากสารเคมีอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว เช่น พาราเบน สีสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์
และยังอัดแน่นมาด้วยส่วนผสมจากธรรมชาตินานาชนิดไม่ว่าจะเป็น
- Cistus Monspeliensis Extract สารสกัดกุหลาบหินจากดินแดนโมรอคโคที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ดี
- Alteromonas Ferment Extract สารสกัดจุลินทรีย์จากน้ำทะเลลึก แอลทีโรโมแนสที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ โลหะหนัก หรือแม้แต่ฝุ่นละอองอันตรายเล็กจิ๋วอย่าง PM2.5
- Butterfly Bush Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า รวมถึง Visible Light ต่าง ๆ
VERITE UV EXPERT SUNSCREEN SPF 50 PA+++
ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าอีกหนึ่งสูตรที่เหมาะกับทุกสภาพผิว เป็นกันแดดประเภท Physical มีความปลอดภัย และอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
- สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB, Infrared ตลอดจน Visible Light อย่างพวกแสงสีฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เนื้อครีมกันแดดที่เข้มข้น เนื้อบางเบา สูตรอ่อนโยน
- เกลี่ยได้ง่าย ไม่เป็นคราบ
- กันน้ำ กันเหงื่อได้ยาวนาน
- ไม่อุดตันผิว คุมมันไม่เหนียวเหนอะหนะ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด
นอกเหนือไปจากการเลือกใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และแสง Blue Light แล้ว เวลาออกจากบ้าน หรือต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด หรือเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันแสง UV อย่างพวกเสื้อกัน UV ร่มกัน UV หรือหมวกปีกกว้างร่วมด้วย จะช่วยเซฟผิวไม่ให้หมองคล้ำและเกิดผิวแก่ได้ในอนาคต
ปรับแสงสว่างหน้าจอให้เหมาะสม และติดฟิล์มกรองแสงโทรศัพท์
อีกหนึ่งวิธีป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าที่น่าสนใจก็คือ การปรับแสงสว่างหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่สว่างจ้าจนเกินไป เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้สบายตาแล้ว ยังช่วยลดปริมาณความเข้มข้นของแสงสีฟ้าได้อีกด้วย หรือจะเลือกการติดฟิล์มกรองแสงบนอุปกรณ์ต่าง ๆ แทนก็ช่วยได้เช่นกัน
สรุป
ก็พอเข้าใจกันไปแล้วนะคะ ว่าจริง ๆ แล้วแสง Blue Light คืออะไร? ซึ่งบอกเลยว่าเป็นอีกแสงที่เปรียบเสมือนเป็นภัยเงียบทำร้ายผิวที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมองหาวิธีป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก็ดี การหลีกเลี่ยงสัมผัสแสงแดดด้วยอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ อย่างการสวมใส่เสื้อผ้า ร่ม หมวก ตลอดจนการติดฟิล์มกรองแสง Blue Light บนอุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น เท่านี้ก็จะช่วยให้ผิวของเราห่างไกลปัญหาผิวนานัปการจากอันตรายของ Blue Light ได้แล้วล่ะ