“ฝ้า กระ จุดด่างดำ” 3 คำกระแทกใจที่ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง แต่ในเมื่อปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การรู้วิธีรับมืออย่างถูกต้องจะช่วยบรรเทาสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมเผยผิวหน้าให้ดูกระจ่างใส น่ามอง พร้อมเติมความมั่นใจของตนเองได้อีกครั้ง
ฝ้า กระ จุดด่างดำ คืออะไร
ฝ้า กระ จุดด่างดำ คือ ปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มักมีความเข้าใจผิดตรงที่คิดว่าทั้ง 3 ประเภทนี้คือปัญหาเดียวกัน เพราะความจริงต้องแยกความหมายออกให้ชัดเจน รวมถึงลักษณะอาการก็แตกต่างด้วยเช่นกัน
1. ฝ้า (Melasma)
ฝ้า คือ ผิวที่มีลักษณะดำคล้ำ หรือมีสีน้ำตาลบนผิวเนื่องจากร่างกายมีการผลิตเมลานินหรือเม็ดสีออกมามากเกินไป มักพบเจอได้บ่อยในผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ ทานยาคุมกำเนิด การฉีดฮอร์โมน แบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ
- ฝ้าตื้น จะอยู่บริเวณชั้นผิวด้านนอก (หนังกำพร้า) สังเกตเห็นขอบเขตชัดเจน มีสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้ม
- ฝ้าลึก จะอยู่บริเวณชั้นผิวที่ลึกลงไป จึงสังเกตเห็นยาก มีสีและขอบเขตจาง มักออกน้ำตาลหรือเทาอมม่วง ใช้เวลารักษานานและยาก
- ฝ้าผสม คือการที่ฝ้าตื้นและฝ้าลึกผสมอยู่ด้วยกัน มักมีสีน้ำตาลอมม่วงไปจนถึงดำ
กระ (freckles)
กระ คือ ลักษณะของสีผิวที่มีความคล้ำมากกว่าผิวบริเวณโดยรอบ มักเป็นสีน้ำตาลเรียบไปกับผิว แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
- กระตื้น จะอยู่บริเวณผิวชั้นนอก จุดสีน้ำตาลเข้มรวมกันอยู่หลายจุด มีขอบเขตชัดเจน
- กระลึก จะอยู่บริเวณผิวชั้นใน จุดสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงเทาอมม่วง ขอบเขตบาง ไม่ค่อยชัดเจน
- กระเนื้อ เป็นเม็ดหรือติ่งขนาดเล็กและอาจขยายตัวได้จนสังเกตเห็นชัด
- กระแดด เป็นจุดดวงสีน้ำตาลจากการที่ใบหน้าโดนรังสียูวีเป็นเวลานานติดต่อกัน เช่น แสงแดด หลอดไฟ แสงไฟจอมือถือ คอมพิวเตอร์
จุดด่างดำ (Dark Spots)
จุดด่างดำ คือ ลักษณะของสีผิวที่มีความดำเป็นจุดหรือเสี้ยวไม่ตายตัวอยู่บนใบหน้าซึ่งไม่ใช่ฝ้าหรือกระ ส่วนใหญ่มาจากผิวหนังอักเสบ อาทิ รอยสิวดำจากการบีบสิว การอักเสบของสิว
สาเหตุและปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ
1. สาเหตุของการเกิดฝ้า
มักมาจากรังสียูวีจากแสงแดด หลอดไฟ และอุปกรณ์ไอทีทั้งหลายกระตุ้นการผลิตเม็ดสี (เมลานิน) บริเวณใต้ชั้นผิวหนังจนกลายเป็นปื้นสีบนใบหน้าชัดเจน
2. สาเหตุของการเกิดกระ
มีได้ทั้งปัจจัยภายใน เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ใบหน้าแต่อาจมีตามแขน ขา และภายนอก เช่น การโดนรังสียูวีเป็นเวลานานติดต่อกัน
3. สาเหตุของการเกิดจุดด่างดำ
มักมีสาเหตุจากการบีบสิว สิวอักเสบ และทิ้งร่องรอยสีดำเอาไว้ สีมีความเข้มมากขึ้นหากสัมผัสกับปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวี
อย่างไรก็ตามนอกจากปัจจัยที่แยกประเภทเหล่านี้แล้ว จุดด่างดำ ฝ้า กระเกิดจากอะไรได้อีกบ้าง ลองมาเช็กลิสต์พร้อมกันเลย
- รังสียูวี ถือเป็นภัยร้ายอย่างมากของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งใครที่เป็นอยู่แล้วก็จะมีสีคล้ำขึ้นได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดด หน้าหมองคล้ำ ริ้วรอยก่อนวัย ความร้ายแรงสุด ๆ อาจถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนังเลยทีเดียว
- พันธุกรรม หรือกรรมพันธุ์ ของแต่ละบุคคล ร่างกายแต่ละคนมีการผลิตเม็ดสีไม่เท่ากัน ซึ่งใครมีผิวขาวจะสังเกตเห็นได้ง่าย รวมถึงสมาชิกครอบครัวเกิดปัญหานี้
- วัยและอายุ จากงานวิจัยระบุว่าเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป จะเกิดปัญหานี้ได้ง่าย ยิ่งผู้หญิงวัย 40+ มักสังเกตเห็นชัด
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาคุมฮอร์โมน ยากันชัก
- ฮอร์โมนไม่สมดุล มักเป็นสาเหตุของผู้หญิงวัย 40+ ขึ้นไป เมื่อเข้าสู่วัยทอง ประจำเดือนน้อยลง ระดับฮอร์โมนจะเปลี่ยนส่งผลถึงการผลิตเม็ดสีของชั้นผิวหนังผิดปกติจนเกิดฝ้า กระ ได้ง่าย
- ใช้งานเครื่องสำอางไม่มีคุณภาพ สารเคมีจะทำให้เกิดการตกค้าง นำมาซึ่งการพบเจอความผิดปกติของใบหน้าได้ง่าย หรือใครแพ้รุนแรงก็อาจมีผื่น สิว หน้าบวมแดงเลยทีเดียว
- โรคที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น โรคที่เกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ โรคลมชัก และต้องทานยา
วิธีป้องกันฝ้า กระ ไม่ให้รบกวนใจ
1. พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่รังสียูวีรุนแรงมากสุด ถ้าต้องออกแดดแนะนำให้สวมหมวก กางร่ม หรือผ้าคลุม
2. ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยปกป้องผิว โดยเลือกครีมกันแดดสูตรที่มีค่า SPF30+ ขึ้นไป สำหรับการป้องกันรังสี UVB และค่า PA++ ขึ้นไป สำหรับป้องกันรังสี UVA แนะนำให้ทาก่อนออกแดด 30 นาที
3. พยายามไม่ใช้ยาหรือฮอร์โมนบางชนิดในการรักษาร่างกาย เช่น ยาคุมกำเนิด หรือถ้าต้องใช้อาจปรึกษาแพทย์ก่อน
4. หมั่นดูแลสุขภาพผิวหน้าของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เช่น การใช้ครีมบำรุง เซรั่ม โลชั่นต่าง ๆ เพื่อเป็นการเติมวิตามินให้กับผิว รวมถึงการทำทรีตเมนต์บำรุงก็ช่วยได้เช่นกัน
5. พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชม. โดยควรเข้านอนก่อนเวลา 5 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมในส่วนต่าง ๆ
6. ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ส้ม มะเขือเทศ ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือ 2 ลิตร
7. ไม่ใช่เครื่องสำอางหมดอายุ เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน ครีมหน้าขาวใสต่าง ๆ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ในระยะยาว
วิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำแบบไหนดี?
1. การทรีตเมนต์ใบหน้า
หลายคนอาจสงสัยว่าวิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำแบบธรรมชาติช่วยได้หรือไม่ จริง ๆ การใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ย่อมทรงประสิทธิภาพมากกว่า การทรีตเมนต์ใบหน้าจึงเป็นทางเลือกยอดนิยม สามารถเลือกได้ ดังนี้
- เคมิคอล พีล คือ วิธีในการดูแลผิวหน้าพร้อมลดเลือนจุดด่างดำด้วยการใช้สารมีฤทธิ์เป็นกรดเพื่อทำการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกให้ออกไป ผิวบริเวณดังกล่าวจะมีการพุพองจากนั้นจึงหลุดลอกและเกิดเป็นสีผิวใหม่ที่มีความสม่ำเสมอ
- เลเซอร์ใบหน้า จะมีหลักการใกล้เคียงกับวิธีเคมิคอล พีล นั่นคือทำการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไปแล้วสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่เลือกเฉพาะจุดที่ต้องการรักษาได้เพราะแพทย์มีวิธีในการควบคุมระดับความเข้มข้น เลเซอร์จะจัดการได้ตั้งแต่ผิวชั้นนอกสุดไปจนถึงชั้นในสุด
วิธีทำทรีตเมนต์ใบหน้านับเป็นตัวเลือกในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ย่อมแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง ผลข้างเคียงช่วงแรก ๆ ใบหน้าอาจมีอาการบวม แดง จึงต้องให้ระยะเวลาในการพักฟื้น หรือบางคนที่มีผิวคล้ำหรือผิวผสมอาจเกิดความระคายเคืองได้บ้างแต่ก็จะหายไปเอง
2. การใช้ครีมรักษา
มีคำถามบ่อยครั้งในทำนองว่าช่วยแนะนำครีมรักษาฝ้า กระ ด้วยได้หรือไม่? ซึ่งในปัจจุบันมีครีมที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาตรงนี้เยอะมาก ส่วนผสมหลักคือสารไวท์เทนนิ่งอันทรงประสิทธิภาพซึ่งแยกประเภทออกได้ดังนี้
- สารอาร์บูติน ส่วนใหญ่แล้วบรรดาครีมผิวขาวในเอเชียจะนิยมใช้งานมากเพราะมีความปลอดภัยสูง
- สารไฮโดรควิโนน ถือเป็นสารกลุ่มไวท์เทนนิ่งที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด จัดการจุดด่างดำ ฝ้า กระต่าง ๆ ได้อย่างดี แต่บ่อยครั้งก็อาจพบผลข้างเคียงได้บ้าง เช่น ผิวหน้าแสบร้อน ตุ่มแดง บางคนหากแพ้ก็อาจมีผิวคล้ำมากขึ้นจึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ด้านผิวหนัง
- วิตามินซี สารจากธรรมชาติที่มีการยืนยันชัดเจนว่าช่วยดูแลและฟื้นฟูผิวหน้าให้ขาวสว่าง กระจ่างใส นิยมใช้เป็นส่วนผสมกับสารชนิดอื่นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีกว่าเดิม
- โคจิก แอซิด สารชนิดหนึ่งที่ได้จากการหมักสาเก มีความเป็นธรรมชาติสูง ปลอดภัยต่อผิว แต่ผลลัพธ์ก็อาจไม่ได้สูงมากนัก
- แอเซเลอิค แอซิด นิยมใช้สำหรับการลดเลือนจุดด่างดำ แต่ไม่ค่อยตอบสนองกับกระ บางคนมักมีอาการระคายเคือง
- เรตินอยด์ แอซิด ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ แต่มีข้อด้อยคือมักทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคือง ไวต่อแสงแดด ไม่แนะนำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์และอยู่ในภาวะให้นมบุตรใช้งาน
- ไทอามิดอล ถูกคิดค้นขึ้นโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาไบเออร์สด๊อรฟ เอจี เยอรมนี ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว ช่วยยับยั้งตัวเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งมีส่วนในการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้ดีกว่าสารสารบี-รีซอซินอลที่มักอยู่ในแอเซเลอิค แอซิดถึง 10 เท่า และยังดีกว่าสารโคจิก แอซิด และอาร์บูตินถึง 100 เท่า เลยทีเดียว